ปีนี้กำลังจะหมดไปอีกหนึ่งปีแล้วใครที่ยังไม่ได้เริ่มต้นดูแลสุขภาพเลย ลองมานึกย้อนถึง 8 เทรนด์ดังที่เคยเป็นกระแสแรงตลอดทั้งปีดู เผื่อว่าจะมีอะไรพอนำไปฮิตต่อได้ในปีหน้า แต่บางกระแสก็อาจต้องมาทำความเข้าใจกันใหม่อีกสักครั้งว่าดีต่อสุขภาพจริงหรือเปล่า มาลองอ่านดูกันเลย
กระแส Focus T25 ถูกคิดค้นขึ้นโดยเทรนเนอร์ Shaun Thompson หรือ Shaun T นักออกแบบท่าเต้นที่มีชื่อเสียงและเป็นเทรนเนอร์ฟิตเนสด้วย ซึ่งท่าเต้น T25 ก็มีหลายท่ารวมเข้าด้วยกัน เช่น วิ่ง สควอท แพลงกิ้ง วิดพื้น มีทั้งหมด 3 โปรแกรมคือ อัลฟ่า เบต้า และแกมม่า ที่รับรองว่าหากลองทำตามดูแล้วจะทำให้เหงื่อออกสุด ๆ ดังนั้นใครที่อยากลดน้ำหนักง่าย ๆ แต่ไม่มีเวลาก็อย่าเพิ่งลืมการเต้น T25 ไปเชียวนะ
หลายคนอาจยังสงสัยอยู่ว่า “กินคลีน” คืออะไร เราขอสรุปย่อ ๆ ให้รู้เลยแล้วกันว่า คือ การกินเพื่อสุขภาพที่เน้นกินอาหารที่ผ่านกระบวนการปรุงรสชาติน้อยที่สุด เช่น สลัดผัก ขนมปังโฮลวีทกับไข่ต้ม ข้าวผัดธัญพืช เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีความนิยมเรื่องการดื่มน้ำ Infused water หรือ น้ำหมักผลไม้เพื่อดีท็อกซ์ร่างกาย ที่นำผลไม้สดหลายชนิดมาแช่ไว้ในน้ำเปล่า รสชาติหวาน ๆ ของผลไม้จะทำให้น้ำเปล่าธรรมดาอร่อยยิ่งขึ้น เป็นการหลอกตัวเองให้ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ อีกวิธีหนึ่ง อย่างไรก็ตามการกินอาหารคลีนที่เน้นผักสด ผลไม้สด ใช้ความร้อนต่ำในการปรุงอาหารก็ควรระวังเรื่องเชื้อโรคที่อาจปะปนมากับอาหารสดด้วย ดังนั้นก่อนขั้นตอนการปรุงเมนูคลีน ก็ควรแน่ใจเสียก่อนว่าสิ่งที่เราทำความสะอาดมาเป็นอย่างดีแล้ว
กระแสการดื่มน้ำหญ้ารีแพร์ หรือการอยู่ไฟด้วยการอบควันหญ้ารีแพร์นั้นเป็นเทรนด์สุขภาพที่เชื่อถือได้ เพราะล่าสุดได้กลายเป็นหนึ่งในสมุนไพรไทยไปแล้ว ซึ่งได้รับการยอมรับในแวดวงแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกอีกด้วย
หญ้ารีแพร์ หรือ “หญ้าฮี๋ยุ่ม” เป็นที่รู้จักกันในชื่อของกระแสหญ้าคืนความกระชับให้ช่องคลอดสำหรับผู้หญิงหลังคลอดบุตร ขับน้ำคาวปลา มดลูกเข้าอู่ และช่วยสมานแผลให้หายไวขึ้น ดังนั้นหากใครอยากบำรุงผิวพรรณแบบไทย ๆ ก็ลองซื้อหามาใช้กันได้ โดยวิธีการใช้มี 2 วิธีคือ ใช้หญ้าแห้ง 1-2 กำมือ นำไปเผาร่วมกับไม้ใช้อยู่ไฟติดต่อกันประมาณ 2-5 วัน ครั้งละ 10-15 นาที กับอีกหนึ่งวิธีคือ นำไปต้มให้เป็นน้ำใช้จิบวันละ 3 แก้ว
หญ้าหวานเป็นหนึ่งในเทรนด์สุขภาพที่เชื่อถือได้จริงที่ผ่านการรับรองสรรพคุณทางยาโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ถูกจัดอยู่ในหมวดพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง มีชื่อจดทะเบียนเป็นสารสกัดสตีวิโอไซค์ (stevioside) หรือสารหวานแทนน้ำตาล มีความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 150 - 300 เท่า มีสรรพคุณทางยาที่สำคัญ เช่น ช่วยลดน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยบำรุงตับอ่อน ลดไขมันในเส้นเลือด ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูงและโรคอ้วนได้ ช่วยสมานแผลทั้งภายนอกและภายใน ทำให้แผลหายไวขึ้นได้ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้นได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามหญ้าหวานเพียงหนึ่งในสมุนไพรช่วยบำรุงสุขภาพ ไม่ได้มีสรรพคุณรักษาโรคใดโรคหนึ่งโดยตรง เราก็ควรชงดื่มในปริมาณที่เหมาะสมด้วยคือ ใช้หญ้า 1-2 ใบต่อเครื่องดื่ม 1 ถ้วย
โยคะฟลาย หรือ โยคะบิน เป็นหนึ่งในท่าโยคะที่เล่นบนผ้า hommog ที่มีความนุ่มและยืดหยุ่นสูงเอาไว้รองรับน้ำหนักตัวของเราขณะห้อยโหนไปมา ท่าของโยคะฟลายถือเป็นท่าที่ต้องผสมผสานกันระหว่าง พิลาทิส กายกรรม และโยคะ เน้นการยืดเหยียดของกล้ามเนื้อกระดูก จึงช่วยบริหารกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังต้องเล่นขณะห้อยโหนผ้าด้วย ดังนั้นในขณะเล่นต้องใช้สมาธิสูง สำหรับการเล่นโยคะฟลายนอกจากนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกายแล้ว ยังเป็นการฝึกสติและสมาธิที่ผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมองด้วย โยคะฟลายมีดีแบบนี้เราคาดว่าคงไม่ตกเทรนด์ง่าย ๆ แน่นอน
สูตรเด็ดเคล็ดลับลดพุงที่บางคนทำแล้วได้ผล ในขณะที่บางคนบอกว่าทำแล้วไม่ได้ผลกลับยิ่งทำให้อ้วนขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก เพราะสิ่งที่ทำให้อ้วนขึ้นนั้นมาจากน้ำผึ้งนั่นเอง ซึ่งน้ำผึ้งเพียงหนึ่งช้อนโต๊ะก็มีแคลอรี่สูงถึง 66-70 แล้ว หากกินน้ำผึ้งตามสูตรคือประมาณ 2 ช้อนโต๊ะจะให้พลังงานมากกว่าหนึ่งร้อยแคลอรีขึ้นไป เทียบเท่ากับการดื่มโค้กกระป๋อง 1 กระป๋องเลยทีเดียว ดังนั้นใครที่อยากลดน้ำหนักจริง ๆ ด้วยเมนูดังกล่าวขอแนะนำว่าควรศึกษารายละเอียดให้เข้าใจก่อนจะบริโภคตามกระแส เพราะบางอย่างบริโภคมากไปนอกจากจะไม่ทำให้น้ำหนักลดแล้ว ยังจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักได้อีกด้วย ที่สำคัญคือการลดน้ำหนักให้ได้ผลดีจำเป็นต้องดูแลเรื่องอาหารการกินควบคู่ไปกับการออกกำลังกายด้วย
น้ำคลอโรฟิลล์ที่หลายคนเชื่อว่าเป็นหนึ่งในอาหารเสริมบำรุงผิว ช่วยดีท็อกซ์ร่างกาย ความจริงแล้วยังไม่มีรายงานพบว่าน้ำคลอโรฟิลล์มีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพนะคะ อีกทั้งนักโภชนาการส่วนใหญ่ยังบอกอีกด้วยว่าสารคลอโรฟิลล์มีอยู่ในผักและผลไม้ที่เราบริโภคอยู่แล้ว ที่สำคัญคือน้ำคลอโรฟิลล์สีเขียวนั้นไม่ใช่คลอโรฟิลล์ชนิดเดียวกับสารสีเขียวในพืช แต่เป็นน้ำคลอโรฟิลล์จากการสกัดคลอโรฟิลล์ในพืชแล้วนำมาผ่านกระบวนการทางปฏิกริยาเคมีกับสารต่างๆ เช่น อะซิโตน (acetone) , เฮกเซน (hexane), ทองแดง (copper) เพื่อทำให้เป็นสารละลายน้ำได้ จนเกิดเป็นสารใหม่ที่เรียกว่า คลอโรฟิลล์ลิน (chlorophyllin) ดังนั้นเมื่อได้สารละลายคลอโรฟิลล์มาชงกับน้ำแล้ว จึงแทบไม่ให้ประโยชน์อะไรต่อร่างกายเราเลย ไม่ช่วยกระตุ้นระบบการขับถ่ายได้จริงตามที่มีโฆษณาอวดอ้างทั่วไปอีกด้วย แถมกระทรวงสาธารณสุขยังออกมาเตือนว่า หากรับประทานมากเกินวันละ 450 มิลลิกรัม ก็อาจจะทำให้ไตทำงานหนักและส่งผลระยะยาวในอนาคตได้ ดังนั้นหากในแต่ละวันเราบริโภคผักสด และผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำ ร่างกายเราก็ได้รับคลอโรฟิลล์จากพืชโดยตรงอยู่แล้ว
8. เมือกหอยทาก
เทรนด์เติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยเมือกหอยทาก เป็นเทรนด์ที่สาว ๆ ควรรู้ทันไว้ก่อนว่าเทรนด์นี้อาจทำให้เราติดเชื้อโรคที่แฝงมากับเมือกหอยทาก โดยเฉพาะเชื้อโคลิฟอร์ม หรือเชื้ออีโคไล ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคท้องร่วงด้วย หากเมือกหอยทากซึมเข้าสู่ร่างกายก็ทำให้เกิดการติดเชื้อ เป็นหนอง เป็นฝี อาการสามารถรุนแรงถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดได้
สิ่งที่ไม่ควรเสี่ยงก็คือการทำสปาแบบใช้หอยทากตัวเป็น ๆ มาไต่บนผิวหน้าของเรา เพราะถึงแม้ว่าหอยทากเหล่านั้นจะถูกเลี้ยงมาอย่างดีในฟาร์มปิดก็ตาม ควรคำนึงไว้สักนิดว่าเมือกหอยทากสดอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เช่น การระคายเคือง ผื่นแดงคัน สิวเห่อ ผิวลอกเป็นขุยทำให้รู้สึกแสบหน้า อีกกรณีหนึ่งคือ การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเมือกหอยทากเป็นหนึ่งในส่วนประกอบ แน่นอนว่าผิวของเราอาจถูกหล่อเลี้ยงด้วยสารประกอบอื่นมากกว่าประโยชน์จากเมือกหอยทาก สรุปแล้วเทรนด์นี้ใครที่อยากสวยด้วยเมือกหอยทากต้องพิจารณาให้ดีด้วยนะคะ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้ตรงจุดกับปัญหาผิวหน้าดีกว่าเลือกบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ที่เขาฮิตกัน
สรุปเทรนด์สุขภาพในรอบปี 2014 ที่เรานำมาฝากนี้เชื่อว่าคงไขความกระจ่างให้ใครหลายคนไม่มากก็น้อยทีเดียวว่าดีต่อสุขภาพเราจริงหรือไม่ ดังนั้นหากใครอ่านแล้วคิดว่าดีต่อสุขภาพก็ลองไปปรับใช้กันดูนะคะ ส่วนหนึ่งต้องรู้ข้อจำกัดสุขภาพของเราก่อนด้วย อย่าเพิ่งหลงเชื่อไปว่าจะดีไปเสียหมด เพราะสุขภาพร่างกายของเราต่างกันนั่นเองค่ะ