ใครๆ ก็ต้องล้วนมาทำงานกัน แต่คำถามคือคุณจะไปทำงานกันอย่างไรให้ทุกวันที่เราไปทำงานนั้นได้ประโยชน์สูงสุด เช่นเดียวกับการใช้เวลาแต่ละวันนั้นสามารถสร้างโอกาสก้าวหน้าในอนาคตให้กับเราได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
บล็อกวันนี้ ผมเลยขอเอาบทความของ J.T. O’Donnell ซึ่งแชร์ลิสต์สิ่งที่เธอทำในทุกๆ วันทำงานนั้นมาลองปรับดูในแบบของผม ซึ่งผมว่าน่าจะเป็นลิสต์ที่คุณๆ สามารถนำไปทำกันได้โดยไม่ยากเลย
มันคงจะดีถ้าคุณเรียนรู้และอัพเดทอยู่เสมอว่าตอนนี้วงการของคุณ หรืออุตสาหกรรมที่ธุรกิจของคุณอยู่นั้นมีความเคลื่อนไหวอย่างไรมันก็ย่อมทำให้คุณรู้ทันและมีโอกาสที่จะมองเห็นโอกาสมากกว่าเดิมด้วย นอกจากนี้แล้ว ตลาดในปัจจุบันยังมีความเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างรวดเร็ว มันเลยค่อนข้างจำเป็นที่คุณจะต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ด้วยเช่นกัน (แล้วถ้าคุณไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร คุณจะปรับตัวได้ไหมล่ะ)
นอกจากนี้แล้ว การพยายามอ่านเรื่องที่เกี่ยวกับงานของคุณไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคู่แข่ง บล็อกความรู้ใหม่ๆ ฯลฯ ก็ล้วนเป็นการเสริมความรู้ให้กับตัวคุณเองด้วย และนั่นคือสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาตัวเองเลยก็ว่าได้
หลายๆ คนไปทำงานแบบโดยไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้างในวันนี้ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไร เราจึงพูดกันเสมอว่าในทุกๆ เช้าคุณควรจะใช้เวลาทบทวนว่าวันนี้มีอะไรบ้างที่ต้องทำ อะไรบ้างที่ยังค้างอยู่จากวันก่อนๆ (และจะจัดการเมื่อไร) ทั้งนี้เพื่อให้คุณเห็นภาพได้ว่าวันนี้จะต้องทำอะไรบ้าง จะวางแผนจัดเวลาอย่างไรให้สามารถทำทุกอย่างได้ครบถ้วน
นอกเหนือจากงานที่คุณต้องทำแล้ว อีกสิ่งที่จะมีผลต่อการทำงานในแต่ละวันอยู่พอสมควรคือการประชุมซึ่งค่อนข้างกินเวลาอยู่ไม่น้อย (อย่างผมเองก็ต้องเข้าประชุมวันๆ หนึ่งประมาณ 3-4 มีตติ้ง) ซึ่งถ้าคุณไม่เช็คตรงนี้ให้ดีแล้ว คุณอาจจะมีปัญหาในเรื่องการจัดการเวลาได้เพราะในหลายๆ มีตติ้งนั้นจะใช้เวลามากกว่าที่ประเมินไว้อยู่พอสมควร รวมไปถึงการคาดการณ์ว่าในแต่ละมีตติ้งนั้นจะมีงานใหม่ให้คุณอย่างไรด้วย
สำหรับคนที่ผ่านการทำงานมาหลายๆ ที่นั้น ผมเชื่อว่าหลายๆ คนได้เพื่อนที่ดีหรือได้รู้จักกับคนดีๆ จากที่ทำงานเก่ามาไม่มากก็น้อย (ผมเองก็เจอคนดีๆ จากหลายๆ ที่ทำงาน) ซึ่งมันคงจะดีถ้าคุณยังคงรักษาความสัมพันธ์กับพวกเขาไว้ ไม่ใช่ให้เลือนหายไปเพียงเพราะคุณไม่ได้ทำงานกับพวกเขาแล้ว ซึ่งยุคนี้ก็ดีมากที่คุณสามารถพูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาได้ไม่ยากผ่านช่องทาง Facebook หรือ LINE นี่แหละครับ
ที่บอกเช่นนี้เพราะการรักษาความสัมพันธ์กับพวกเขาจะกลายเป็นผลดีในอนาคต แม้จะไม่ใช่เรื่องงานก็ตาม แต่การได้มีคนดีๆ อยู่ในเครือข่ายของคุณก็ถือเป็นเรื่องที่โชคดีมากๆ เลยด้วย และจากประสบการณ์ของผมนั้น ในอนาคตคุณก็ได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์นี้อย่างมากโดไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
หลายๆ คนอาจจะจะมีเมล์เข้ามาในแต่ละวันเป็นจำนวนไม่น้อย แต่การปล่อยให้มันคาราคาซังและไม่ถูก Empty ก็จะยิ่งทำให้คุณรู้สึกท้อเวลาเปิดเมล์ในตอนเช้า มันจึงดีกว่าถ้าคุณจะใช้เวลาก่อนกลับบ้านสัก 15-20 นาทีในการเคลียร์ Inbox ให้ได้ ทั้งนี้แม้ว่าปัญหาของหลายๆ คนคือมีเมล์จำนวนมาก แต่เอาจริงๆ แล้วเคล็ดลับสำคัญคือการตั้งกฏสำหรับการบริหารจัดการอีเมล์ของคุณเองนั่นแหละ เพราะคุณไม่ได้จำเป็นต้องอ่านทุกฉบับหรือต้องเสียเวลาในการลงรายละเอียดทั้งหมดแต่อย่างใด
แม้ว่าคุณควรจะจริงจังกับงานที่ทำ แต่ก็ใช่ว่าคุณจะต้องอยู่กับมันแบบ 100% ซะทีเดียว การสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ในโหมดที่ไม่ใช่เรื่องงานก็เป็นเรื่องที่เข้าท่าอยู่ไม่น้อยเพราะนั่นคือการทำให้คนอื่นมองเห็นคุณมากกว่าแค่ “เพื่อนร่วมทำงาน” และนั่นจะมีผลสำคัญสำหรับการทำงานในอนาคตเลยทีเดียวล่ะครับ
บางวันอาจจะไม่ใช่วันที่คุณอยากจดจำเสียเท่าไร ผมเองก็มีวันแบบนั้นเหมือนกัน แต่อย่างไรเสีย คุณก็ควรจะทบทวนว่าวันนี้คุณทำอะไรไปบ้าง อะไรที่ทำให้งานของคุณเดินไปข้างหน้าได้ อะไรที่คุณอยากทำแล้วไม่ได้ทำ หรืออะไรที่ทำแล้วคุณอยากกลับไปแก้ไข เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณเห็นภาพว่าวันพรุ่งนี้คุณควรทำอะไร มีอะไรบ้างที่คุณควรจะหลีกเลี่ยงหรือเตรียมตัวในอนาคตกัน
คงไม่ใช่เรื่องน่าภิรมย์ถ้าคุณจะเริ่มงานตอนเช้าด้วยโต๊ะที่รกและไม่เป็นระเบียบ หลายคนอาจจะบอกว่าไว้จัดตอนเช้าก็ได้ แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้วคุณจะพบว่าตอนเช้านั้นคุณก็จะยุ่งจนไม่ได้มานั่งทำหรอกครับ มันเลยจะดีกว่าถ้าคุณเสียเวลาอีกสักนิดก่อนกลับบ้านจัดเก็บของบนโต๊ะให้เรียบร้อย เช่นเอาปากกาเก็บเข้าที่ เอาเอกสารมาวางจัดเรียงให้เรียบร้อย ฯลฯ เพราะตอนเช้ามาคุณก็คงจะรู้สึกดีไม่น้อย ถ้ามาตอนเช้าแล้วเห็นโต๊ะทำงานคุณดูเรียบร้อยและเนี้ยบนั่นแหละครับ