รู้หรือไม่ว่ามนุษย์เราใช้เวลา 1 ใน 3 ของชีวิตในการ “นอนหลับ” เพราะการนอนหลับเต็มอิ่มเป็นเสมือนการชาร์จแบตเตอรีให้ตัวเอง ให้ร่างกายโดยเฉพาะสมองได้ผ่อนคลายจากภาระหน้าที่อันเหนื่อยล้า การนอนที่สมบูรณ์ควรใช้เวลา 6-8 ชั่วโมง และพยายามเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม หากว่าใครนอนไม่ค่อยหลับบ่อยๆ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ๆ ดังนั้นลองมาปรับพฤติกรรมบางอย่างเพื่อการนอนหลับที่ดีขึ้นกันดีกว่า
1. การกินอาหาร หลังกินมื้อเย็นควรเว้นระยะเวลาก่อนเข้านอนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อให้มีเวลาย่อยอาหาร ร่างกายไม่ทำงานหนักเกินไปจนส่งผลให้เกิดการนอนที่ไม่มีคุณภาพ
2. ออกกำลังกาย การออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 20-30 นาที ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น แต่มีข้อแม้ว่าต้องออกกำลังกายก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
3. ไม่สูบบุหรี่และเครื่องดื่มบางชนิด นิโคตินในบุหรี่ กาเฟอีนในชา กาแฟ โกโก้ จะทำให้นอนไม่หลับ รวมทั้งงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้กระบวนการนอนหลับถูกขัดขวางไปตลอดทั้งคืน
4. ทำจิตใจให้สงบไร้สิ่งกระตุ้น เพื่อการหลับอย่างมีคุณภาพ ไม่ควรทำกิจกรรมที่ตื่นเต้น เช่น ดูหนังสยองขวัญ อ่านหนังสือสืบสวนสอบสวน หรือคิดถึงเรื่องที่วิตกกังวล ปัญหาในที่ทำงานต่างๆ ควรผ่อนคลายสมอง ปล่อยวางจิตใจให้สงบ สิ่งใดรบกวนใจปล่อยให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้
5. ห้องนอนที่เหมาะสม เช่น อาการถ่ายเท อุณหภูมิพอดีไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป เงียบสงบไม่มีเสียงรบกวน และปิดไฟ ปิดโทรทัศน์เมื่อจะเข้านอน และจำไว้เสมอว่า “เตียง” มีไว้สำหรับนอน และกิจกรรมทางเพศเท่านั้น ไม่ควรทำกิจกรรมใดๆ บนเตียงนอน เช่น กินขนม เล่นเกม เพราะสมองจะจดจำความสัมพันธ์ระหว่างสถานที่กับกิจกรรม
6. ไม่ควรงีบตอนกลางวันหรือตอนเย็น เพราะการงีบทำให้ร่างกายรู้สึกว่าได้รับการพักผ่อน ทำให้นอนหลับยากขึ้น จึงควรอดทนรอให้ถึงเวลาเข้านอนตอนกลางคืนแล้วหลับยาวให้เต็มที่
7. อย่าดื่มน้ำมาก เพราะการดื่มน้ำเยอะๆ ก่อนเข้านอนจะทำให้ต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก เป็นการรบกวนการนอนหลับลึก
8. หากนอนไม่หลับอย่าฝืน ให้ลุกขึ้นจากเตียงแล้วหากิจกรรมเบาๆ ทำ เช่น อ่านหนังสือที่เนื้อหาไม่หนัก ฟังเพลงบรรเลง จนรู้สึกง่วงอีกครั้งค่อยกลับไปนอน
9. เข้านอน-ตื่นนอนตรงเวลา จะทำให้วงจรการนอนหลับมีความสมดุล ร่างกายและสมองจดจำพฤติกรรมการนอนอย่างมีคุณภาพ ส่งผลให้นอนหลับสนิท ตื่นขึ้นมาพร้อมความสดใสต้อนรับเช้าวันใหม่