4 วิธีที่ทำให้คุณ “กลับมา”​ หลังจากผิดพลาดและล้มเหลว

เรามักพูดกันเสมอๆ ว่าความผิดพลาดหรือความล้มเหลวหรือครูที่ดีเพื่อให้โตขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงที่คนเราต้องพบกับความล้มเหลวนั้นกลับไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจกันได้ง่ายๆ และหลายๆ คนก็จมอยู่กับความล้มเหลวนั้นอยู่นาน

เรามักพูดกันเสมอๆ ว่าความผิดพลาดหรือความล้มเหลวหรือครูที่ดีเพื่อให้โตขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงที่คนเราต้องพบกับความล้มเหลวนั้นกลับไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจกันได้ง่ายๆ และหลายๆ คนก็จมอยู่กับความล้มเหลวนั้นอยู่นาน

ตัวผมเองก็เคยอยู่กับภาวะล้มเหลวมาไม่น้อย หลายๆ ทีก็เรียกว่า “จัดหนัก” อยู่พอสมควร ซึ่งก็โชคดีที่ผ่านมาได้ บล็อกวันนี้เลยลองเอาวิธีคิดหรือวิธีการทำให้ตัวเองออกจากจุดๆ นั้นให้ได้เร็วๆ เผื่อใครจะเอาไปใช้กันต่อนะครับ

1. คิดเสียว่าความล้มเหลวคือขั้นตอนที่ต้องเกิดขึ้นเพื่อความสำเร็จในวันข้างหน้า

แน่นอนว่าใครก็คงไม่อยากเจอความล้มเหลวหรอก แต่การจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตคือการเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะไม่ชนะไปเสียทุกครั้ง บางทีเราอาจจะต้องยอมรับว่าความผิดพลาดนั้นคือหนึ่งในขั้นตอนที่จะต้องเกิดขึ้นเป็นเรื่องปรกติ หลายครั้งที่ผมเองก็ทำงานผิดพลาด ผมเองก็รู้สึกแย่ๆ กับมันอยู่ไม่น้อย แต่ก็ต้องพูดกับตัวเองอยู่เสมอว่ามันเกิดขึ้นได้ มันเกิดขึ้นไปแล้ว และเราจะไม่ทำให้มันเกิดขึ้นอีกในครั้งถัดไป และเอาจริงๆ เมื่อเวลาผ่านไปนั้น เราจะพบว่าความผิดพลาดต่างๆ จะช่วยทำให้เราคิดรอบคอบมากขึ้น ซึ่งทำให้เรามีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นนั่นแหละ

2. พูดกับตัวเองเยอะๆ อย่าเอาแต่เงียบๆ อยู่คนเดียว

ในข้อที่แล้วผมบอกว่า “พูดกับตัวเอง” เนี่ยอาจจะฟังดูประหลาดๆ แต่พอเวลาเราผิดพลาดหรือรู้สึกแย่ๆ นั้น เสียงที่มักจะเกิดขึ้นคือเสียงในหัวของเราที่บางทีอาจจะไม่ได้ออกมาเป็นคำพูดที่ชัดเจนแต่มันถาโถมความรู้สึกของเราให้ตกอยู่ในกล่องสีดำอย่างรวดเร็ว การพูดกับตัวเองมีส่วนในกระตุ้นให้คุณถอยออกจากการฟังเสียงนั้นๆ บ้างและให้ตัวเองได้บอกกับตัวเองว่าเรายังมีคุณค่า เรายังมีโอกาสในวันข้างหน้า มันอาจจะดูเป็นเรื่องการล้างสมองตัวเองอยู่บ้างแต่มันก็ดีเสียกว่าที่คุณจะจมอยู่กับความเงียบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหม่นหมองที่เรียกว่าจะฉุดความคิดคุณได้อย่างรวดเร็วจนน่ากลัว

3. คุยกับ Mentor

ผมมักพูดเสมอว่าชีวิตผมมีวันนี้ได้ก็เพราะ Mentor และผมก็ยังขอยืนยันว่าชีวิตผมผ่านช่วงวิกฤตมาได้ก็เพราะการคุยกับพวกเขานี่แหละ สิ่งที่ Mentor ช่วยเราได้อย่างมากคือการเตือนสติและทำให้เราฉุกคิดอะไรบางอย่างเพื่อหลุดออกจากวิธีคิดแบบเดิมๆ เพราะเราก็ต้องยอมรับว่าบางทีการที่เราคิดเองคนเดียวนั้นไม่ได้คำตอบที่ดีเสมอไปเช่นเดียวกับที่การคิดเองนั้นจะโดนอคติหรือการคิดเข้าข้างตัวเองบางอย่างจนทำให้เราหลุดออกจากปัญหาไม่ได้ (ประเภทถ้าอกหักก็จะบอกตัวเองว่าฉันยังรักเขาอยู่ เขาก็ยังมีใจกับเขานะ ฯลฯ) มันเลยจะดีกว่าถ้าคุณไปฟังคนอื่นที่เขามองปัญหาจากมุมข้างนอกแล้วชี้ทางออกให้คุณเห็น และ Mentor คือคนสำคัญที่ช่วยคุณในเรื่องนี้ได้

4. หยิบเหตุการณ์มาวิเคราะห์ให้กลายเป็นบทเรียนจริงๆ

เรื่องราวร้ายๆ จะไม่มีวันเป็นบทเรียนที่ดีกับเราได้ถ้าเราไม่คิดจะมองมันเป็นบทเรียนหรือตั้งใจที่จะวิเคราะห์มันอย่างจริงจัง ในหลายๆ ครั้งเรามักพยายาม “ลืม” เพราะไม่อยากรู้สึกอะไรกับมัน แต่ในหลายๆ ครั้งคุณควรจะเลือกเผชิญหน้ามันแทนที่จะลืมมันไป ลองใช้เวลาหยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมาแล้วบรรยายเรื่องที่เกิดขึ้น ลองหาคำตอบว่าปัญหาอยู่ตรงไหน แม้มันจะเจ็บปวดแต่เชื่อเถอะว่าที่เจ็บหนักที่สุดนั้นได้ผ่านไปแล้วและตอนนี้เป็นเวลาที่ดีกว่าในการมองมันด้วยความ “เข้าใจ” ไม่ใช่แค่ “รู้สึก” เพียงอย่างเดียว

คิวทน แคลเซียม ข้อเสือม น้ำมันปลา อาหารเสริม คิวทน แคลเซียม ข้อเสือม น้ำมันปลา อาหารเสริม