ภาวะไขมันในช่องท้อง ภัยร้ายที่คนผอมก็ต้องระวัง

  เคยสงสัยกันไหมว่าอาการอ้วนลงพุงที่มียื่นออกมาให้เห็นเหมือนคนท้อง และ อาการพุงห้อยเป็นชั้น ๆ นั้นมีอะไรซ่อนอยู่ข้างใน หลายคนอาจรู้ดีว่าเกิดการการที่ไขมันไปกองรวมกันอยู่ ซึ่งสำหรับคนอ้วนก็คงไม่น่าแปลกใจอะไร แต่สำหรับคนผอมที่พุงไม่มีพุงยื่่นล่ะ ก็น่าคิดเหมือนกันนะว่าภาวะไขมันในช่องท้องนี้กำลังสร้างฐานทัพอยู่ในร่างกายเราเหมือนกันด้วยหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นเราก็มาไขข้อข้องใจไปพร้อม ๆ กันเลย

     
     ภาวะไขมันในช่องท้องเกิดขึ้นได้อย่างไร

              ไขมันในช่องท้อง  (Visceral Fat) เกิดจากการสะสมตัวของสารอาหารประเภทไขมันในอาหารที่ร่างกายเผาผลาญเป็นพลังงานไม่หมดในแต่ละวัน ทำให้ไปเกาะอยู่ตามบริเวณระหว่างกล้ามเนื้อท้องกับอวัยวะภายในช่องท้อง ในลักษณะแทรกตัวอยู่ตามเนื้อเยื่อของเซลล์ต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้จึงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มไขมันใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้เมื่อมองจากภายนอกแล้วเห็นเป็นพุงป่องออกมา แต่ถ้าหากลองอัลตร้าซาวด์ดูจะพบว่าอวัยวะภายในของเรากำลังถูกห่อหุ้มไว้ด้วยถุงไขมันสีเหลือง

     ไขมันในช่องท้องอันตรายกว่าไขมันในบริเวณอื่น 
     
              เชื่อว่าหลายคนยังไม่รู้ว่าการที่เราดูอ้วน ตัวใหญ่ขึ้นนั้น ความจริงแล้วเกิดมาจากการสะสมของไขมัน ถึง 3 ชนิดด้วยกัน คือ ไขมันในหลอดเลือด ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง และไขมันในช่องท้อง 

    ภาวะไขมันในช่องท้อง
    ภาพประกอบจาก doodeedai.com 

             จากภาพจะเห็นได้ว่ามีการสะสมของไขมันบริเวณใต้ชั้นผิวหนังชัดเจนกว่าในส่วนอื่น  แต่ถ้าหากเจาะลึกลงไปกว่านี้จะพบว่าหลอดเลือดของเรานั้นมีไขมันเกาะอยู่เต็มไปหมดเช่นกัน ชั้นถัดมาเป็นกล้ามเนื้อท้อง เป็นตำแหน่งที่ไขมันใต้ชั้นผิวหนังบังเอาไว้อยู่ ซึ่งหากเราเบิร์นไขมันหน้าท้องออกไปแล้ว ก็จะเห็นเป็นกล้ามเนื้อท้องสวย ๆ นั่นเอง ถัดมาก็จะเป็นชั้นไขมันในช่องท้องของเรา หากใครที่มีไขมันในช่องท้องแล้วจากภาพจะเห็นได้ว่า ลดยากแน่ ๆ เพราะอยู่ในชั้นลึกสุดเลย อีกทั้งยังสามารถกระจายได้ทั่วไปตามอวัยวะต่าง ๆ อีกด้วย ทีนี้ลองมาดูกันว่าไขมันที่เกาะอยู่ในแต่ละชั้นมีอันตรายอย่างไรบ้าง 

     ไขมันในหลอดเลือด   

              เกิดจากการก่อตัวขึ้นของตะกอนไขมันในหลอดเลือดทั่วร่างกาย หากเกิดการสะสมมากขึ้นก็จะก่อตัวหนาขึ้นเป็นชั้น ๆ  เกิดการแข็งตัวขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนก้อนหิน ก็จะสามารถไปอุดตันการไหลเวียนของเลือดได้ในที่สุด  ซึ่งกระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้ร่างกายจะไม่ส่งสัญญาณเตือนใด ๆ เลย เว้นเสียแต่ว่าหลอดเลือดในบริเวณใดบริเวณหนึ่งของเราจะตีบมากถึงร้อยละ 80-90 แล้ว ร่างกายถึงจะแสดงอาการแน่นหน้าอกออกมาให้เห็น ที่สำคัญไปกว่านั้น เมื่อไรที่มีอาการเตือนขึ้นมา 1 ครั้งนั่นหมายความว่า เรามีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากอาการหลอดเลือดตีบตันสูงถึงร้อยละ 60 เลยทีเดียว 

     ไขมันใต้ผิวหนัง 

              เมื่อเกิดการสะสมไขมันในชั้นนี้ เราจะสามารถรู้สึกได้ว่าตัวใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุเกิดจากการสะสมของน้ำตาลที่แปรสภาพเป็นไขมัน เกาะอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ในร่างกายเรา หรือการที่เราเห็นเป็นผิวเปลือกส้ม (เซลลูไลท์) มองเห็นเป็นชั้นพุงหนา ๆ นั่นเอง ไขมันในชั้นนี้ไม่ส่งผลอันตรายร้ายแรงมากนัก เพราะเป็นไขมันที่เราสามารถกำจัดได้ง่ายกว่าไขมันในส่วนอื่น 

      ไขมันในช่องท้อง 

              เป็นไขมันในที่อันตรายกว่าไขมันบริเวณอื่นมากที่สุด เพราะไขมันในชั้นนี้สามารถละลายเข้าสู่กระแสเลือดไปสะสมตามอวัยวะต่าง ๆ  ได้ อีกทั้งยังเผาผลาญออกให้หมดยากกว่าไขมันในบริเวณอื่นด้วย ซึ่งถ้าหากเรายังไม่รีบสลายไขมันของเก่าที่สะสมค้างอยู่ เจ้าไขมันกลุ่มนี้ก็จะไปขัดขวางทางเดินของเลือดไม่ให้ไปหล่อเลี้ยงเซลล์เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายของเรา  ด้วยเหตุนี้เองเราจึงมีโอกาสป่วยด้วยโรคร้ายต่าง ๆ ตามมา

    ภาวะไขมันในช่องท้อง