เพนเนลีฟ คูล เจล 12X30 กรัม



เพนเนลีฟ คูล เจล 12X60 กรัม

กาแฟ-ดื่มให้ดีต้องมีเทคนิค

กาแฟ-ดื่มให้ดีต้องมีเทคนิค

“กาแฟ” เครื่องดื่มยอดฮิตของคนทุกชนชั้น มีหลายประเภท หลายราคาตั้งแต่แก้วละไม่กี่สิบบาทจนถึงเป็นหลักพันบาท แต่ที่แน่ๆ กาแฟกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในยุคสมัยนี้ไปเสียแล้ว อย่างน้อยตอนเช้าก็ต้องขอละเลียดกาแฟสักแก้วหนึ่งก่อนทำงานด้วยความรื่นรมย์ ว่าแต่ “เราได้อะไรจากการดื่มกาแฟบ้าง”

กาแฟมีสารประกอบสำคัญคือ “กาเฟอีน” ซึ่งกาเฟอีนบริสุทธิ์จะมีลักษณะเป็นผลึกรูปเข็ม ไม่มีกลิ่น มีรสขม โดยกาเฟอีนจะส่งผลต่อร่างกายและอารมณ์ตามปริมาณที่เราดื่มเข้าไป ได้แก่ กาเฟอีนขนาดต่ำ (50-200 มก.) จะกระตุ้นให้กระปรี้กระเปร่า สดชื่น ไม่ง่วงนอน กาเฟอีนขนาดกลาง (200-500 มก.) อาจทำให้ปวดหัว กระวนกระวาย มือสั่น นอนไม่หลับ และ กาเฟอีนขนาดสูง (1,000 มก.)



เกิดภาวะกาเฟอีนเป็นพิษ ทำให้กระสับกระส่าย หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ปัสสาวะบ่อย ความเข้มข้นของกาเฟอีนในเลือดจะขึ้นสูงสุดภายหลังการดื่มกาแฟไป 30-60 นาที ซึ่งจะกระจายตัวไปยังอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะส่วนที่มีเลือดไปหล่อเลี้ยงมาก เช่น หัวใจ สมอง ตับ และไต ซึ่งจะเห็นได้ว่าปรมาณกาเฟอีนมีความสัมพันธ์กับผลการตอบสนองทางร่างกายและจิตใจของผู้ดื่มกาแฟ ดังนั้นเราต้องรู้จักดื่มกาแฟให้ได้ประโยชน์มากที่สุด และเกิดโทษน้อยที่สุด ดังนี้

1. ไม่ดื่มกาแฟตอนท้องว่าง เพราะกาเฟอีนเร่งการหลั่งกรดเปปซินและแกสตริน อาจทำให้แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้รุนแรงขึ้น

2. เลี่ยงการดื่มกาแฟช่วงบ่ายและค่ำ เพราะกาเฟอีนอาจทำให้นอนไม่หลับได้

3. สังเกตตัวเอง แต่ละคนจะมีความไวในการตอบสนองกาเฟอีนไม่เท่ากัน ลองดูว่าเวลาที่ดื่มกาแฟแล้วมีอาการอย่างไรบ้าง เพื่อหาปริมาณที่เหมาะสมสำหรับตนเอง

4. ไม่ควรดื่มกาแฟเพื่อหักโหมทำงาน บางคนดื่มกาแฟเพื่อให้ตาสว่าง ทำงานได้ต่อเนื่องอดหลับอดนอน ถึงแม้ว่าจะช่วยให้ตื่นตัวได้ แต่สมองจะล้ามากเกินไป ส่งผลให้ประสิทธิภาพการรับรู้น้อยลง

5. ควรกินแคลเซียมเสริม เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อย ผักคะน้า เป็นต้น เพื่อทดแทนแคลเซียมที่สูญเสียไปกับปัสสาวะ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุน

6. อย่าลืมผักผลไม้ เพราะกระบวนการคั่วกาแฟทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระ การกินผักที่มีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินอี เช่น แครอต ส้ม ฝรั่ง ผักใบเขียว มะเขือเทศ จะช่วยต้านสารอนุลมูลอิสระได้

 
เพียงแค่รู้จักควบคุมปริมาณการดื่มให้เหมาะสม คือไม่เกิน 300 มก.ต่อวัน หรือไม่เกินวันละ 3 แก้วนั่นเอง รับรองว่าคอกาแฟจะได้ลิ้มรสละเมียดกับกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟถ้วยโปรดได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลใดๆ อีกต่อไป