เรื่องน่ารู้ของน้ำมันปลา

เรื่องน่ารู้ของน้ำมันปลา 

น้ำมันปลา หรือ Fish Oil คือส่วนที่สกัดมาจากจากส่วนของเนื้อ หนัง หัว หาง ของปลาโดยเฉพาะปลาในเขตหนาว ซึ่งในน้ำปลาจะมีกรดไขมันอยู่หลายชนิด น้ำมันปลาประกอบด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 และกรดไขมันโอเมก้า-6 สำหรับกรดไขมันโอเมก้า-3 นั้นจะแบ่งออกเป็น EPA และ DHA เป็นหลักซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก เพราะว่าร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ และต้องได้รับจากสารอาหารเท่านั้น  โดยน้ำมันปลา จากแหล่งธรรมชาติที่ดีควรมาจากปลาทะเล อย่างเช่น ปลาซาร์ดีน  ปลาแซลมอน  ปลาทูน่า ปลาแอนโชวี่ เป็นต้น

น้ำมันปลาต่างจากน้ำมันตับปลา ตรงที่น้ำมันตับปลาสกัดจากตับของปลาทะเลบางชนิด ซึ่งมีวิตามิน A และ D ในปริมาณสูง จึงเหมาะสำหรับเสริมสร้างกระดูกและสายตา แต่น้ำมันปลา มีประโยชน์ ในเรื่องของการลด ไขมัน ไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglyceride)  เพิ่มระดับของ เอช ดี แอล โคเลสเตอรอล (HDL Cholesterol) ซึ่งเป็นไขมันที่ดี, ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบและอุดตัน, ลดความดันโลหิต, ลดความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในกระแสเลือด, ช่วยบำรุงประสาทและสมอง

สำหรับการเลือกผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารประเภทน้ำมันปลานั้น มีข้อแนะนำและข้อควรระวัง ดังนี้

  1. การรับประทานน้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมเพื่อป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ควรรับประทานวันละ 1,000 มิลลิกรัมหลังอาหาร  การรับประทานเพื่อรักษาโรค ควรรับประทานวันละ 3,000 มิลลิกรัม หรือตามคำแนะนำของแพทย์
  2. การเลือกซื้ออาหารเสริมน้ำมันปลานั้น ควรจะดูที่ปริมาณ DHA และ EPA เป็นหลักโดยควรมีมากกว่า 20% ปริมาณทั้งหมด เช่น น้ำมันปลาขนาด 1000 มิลลิกรัม ควรมี DHA + EPA มากกว่า 200 มิลลิกรัม และอัตราส่วนของ DHA : EPA นั้นควรจะเป็น 1:2 หรือ 2:3 เพื่อการออกฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. การรับประทานอาหารเสริมโอเมก้า-3 ในปริมาณสูงอาจทำให้บางคนเกิดอาการฟกช้ำ เลือดออกได้ง่ายจากอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย ดังนั้นผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดอาการฟกช้ำหรือเลือดออกง่าย ควรหลีกเลี่ยงอาหารเสริมประเภทนี้
  4. ผู้ที่กำลังรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น  Warfarin) หรือ ยาแอสไพริน ไม่ควรรับประทานโอเมก้า-3 หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
  5. ผู้ที่มีภาวะความดันต่ำ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำปลา เพราะน้ำปลาจะลดความดันของคุณให้ต่ำลงไปอีก

 

นอกจากนั้น หากต้องการลดระดับ ไขมัน คอเลสเตอรอลในเลือด ให้ได้ผลดียิ่งขึ้น ควรจะรับประทานน้ำมันปลา ควบคู่กับการควบคุมอาหาร โดยรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลไม่เกินวันละ 300 มิลลิกรัม และควรหลีเลี่ยง เนื้อสัตว์ ไข่แดง  อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น กะทิ ไขมันจากเนื้อสัตว์ หนังสัตว์ เป็นต้น