ข้อเสื่อม…. ภัยร้ายใกล้ตัว

ข้อเสื่อม…. ภัยร้ายใกล้ตัว

ข้อเสื่อม เกิดจากความเสื่อมของหลาย ๆ อย่าง ภายในข้อ เช่น กระดูกอ่อนผิวข้อบางลง และ ผิวไม่เรียบ มีกระดูกงอกบริเวณขอบ ๆ ข้อ และ เกิดการสูญเสียคุณสมบัติของน้ำไขข้อ โดยสาเหตุของการเกิดนั้น ยังไม่ทราบแน่ชัด อาจเกิดได้จากอายุที่มากขึ้น มักพบในผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป โดยพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย หรือพบในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก, การใช้ข้อเข่าไม่เหมาะสม หรือสาเหตุอื่นๆ เช่น อุบัติเหตุ การติดเชื้อในข้อ เป็นต้น

อาการของข้อเสื่อม อาจพบอาการเพียงอาการเดียว หรือหลายอาการพร้อมกันได้ โดยในระยะแรกมักจะเป็นไม่มาก และมีอาการ เป็นๆหายๆ แต่เมื่อนานไปจะมีความรุนแรงมากขึ้น และจะมีอาการบ่อยมากขึ้นหรือ เป็นตลอดเวลา อาการเบื้องต้นของข้อเสื่อม ได้แก่ ปวดข้อ ปวดเข่า นั่งนานแล้วลุกลำบาก ข้อขัด ข้อฝืด เหยียด-งอเข่าได้ไม่สุด ต่อมาน้ำเลี้ยงข้อเข่าจะลดลง เกิดการเสียดสีกันของผิวข้อที่ไม่เรียบ ทำให้ มีเสียงละเอียดคล้ายเสีงทราย หรือเสียงกรอบแกรบในข้อเวลา ขยับข้อเข่า เมื่อมีความฝืดมากขึ้นจะมีน้ำคั่งบริเวณข้อมากขึ้น ทำให้ข้อบวม อักเสบ

แนวทางรักษา อาการข้อเสื่อม มีอยู่หลายวิธี เช่น

  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงพฤติกรรมการใช้ข้อที่ผิด เช่น การงอเข่ามากเกินไป
  • การทำกายภาพบำบัด  บริหารกล้ามเนื้อ
  • การใช้ยาบรรเทาอาการ เช่น ยาแก้ปวดลดการอักเสบที่มิใช่สเตียรอยด์ ยาคลายกล้ามเนื้อ แต่การใช้ยาในกลุ่มนี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
  • อาจจะทำให้เกิด ผลข้างเคียง เช่น เลือดออกในกระเพาะอาหาร ไตวาย ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
  • การฉีดน้ำไขข้อเทียม วิธีนี้จะทำให้อาการดีขึ้น ในระยะเวลาเฉลี่ย 6 เดือน -1 ปี แต่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง (ประมาณ 13,000 -16,000 บาท)
  • การผ่าตัด เช่น ผ่าตัดจัดแนวกระดูกใหม่เพื่อลดเข่าโก่ง ส่องกล้องเข้าไปในข้อ หรือ ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม วิธีผ่าตัดถือว่าเป็นทางเลือกสุดท้าย จะใช้ในผู้ที่มีอาการมาก และรักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล เท่านั้น

 

นอกจากแนวทางการรักษาที่กล่าวมาเบื้องต้นแล้ว ในปัจจุบัน ยังมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายชนิดที่นิยมนำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการข้อเสื่อม เช่น กลูโคซามีนซัลเฟต, สารสกัดจากหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์, การใช้ขิงอ่อนและข่าอ่อนต้มน้ำดื่ม และการใช้แคลเซี่ยมจากสาหร่ายทะเล  โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างน้ำเลี้ยงข้อเข่า และบรรเทาอาการปวด บวม อักเสบ ได้โดยการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือสมุนไพรดังกล่าวนั้น ควรพิจารณาถึงข้อมูลประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือของผู้ผลิต ประกอบการตัดสินใจด้วย