ปัญหาระบบขับถ่ายถือได้ว่าเป็นปัญหาที่สำคัญเพราะเกี่ยวกับระบบในชีวิตประจำ วันของทุกคน เพราะถ้ามีแต่รับประทานเข้าไปแต่ไม่มีการขับถ่ายออกมา ก็จะเกิดอาการแน่นท้อง อึดอัด เกิด เรอ หรือผายลมบ่อยๆ เพราะมีลมอยู่ในช่องท้องมาก บางคนอาจ จะส่งผลถึงคุณภาพชีวิตแปรปรวนกันเลยทีเดียว
แต่เราเองจะรู้ได้อย่างไรว่าอาการแบบไหนถึงเรียกว่าท้องผูก? หรือไม่ขับถ่ายนานกี่วัน ถึงเรียกว่าเริ่มมีอาการท้องผูกเหิดขึ้นแล้ว?
ท้องผูก (Constipation) หมายถึง อาการที่ผู้ป่วยมีอุจจาระที่แข็ง หรืออุจจาระเป็น
ลำที่เล็กลง หรือมีความถี่ในการถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้ง/สัปดาห์ นอกจากนี้อาการที่ร่วมด้วยคือ เจ็บที่ทวารหนักเวลาถ่ายอุจจารระ เพราะเกิดจากการปวดเบ่ง
อาจทำให้เกิดเลือดออกได้ หรือมีอาการถ่ายไปแล้วเหมือนถ่ายไม่สุด
วิธีใช้รักษามีอยู่ 2 วิธี คือ
1. วิธีรักษาแบบใช้ยา โดยจะแบ่งตามการออกฤทธ์ยาอยู่ 4 กลุ่มด้วยกัน คือ
- กลุ่มยาที่เพิ่มปริมาณกากอาหารในลำไส้ (Bulk Laxative) จะออกฤทธิ์ทำให้ปริมาณอุจจาระเพิ่มขึ้น เช่นลูกพรุน รำข้าว เมล็ดแมงลัก หรือเส้นใยอาหาร (Cellulose) ต้องดื่มน้ำตามมากๆจึงจะได้ผลดี
- กลุ่มยาหล่อลื่นลำไส้ (Lubricant Laxative) จะช่วยใหอุจจาระนิ่มและเคลื่อนตัวไปยังลำไส้ได้ง่ายขึ้น เชน Mineral Oil
- กลุ่มยาเพิ่มปริมาณน้ำในลำไส้ (Osmotic Laxative) ทำให้อุจาจาระนิ่มและเคลื่อนตัวไปยังลำไส้ใหญ่ส่วนปลายได้ดีขึ้น เช่น Lactulose, MOM(Milk of Magnesia)
- กลุ่มยาที่กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ (Stimulant Laxative) กระตุ้นบริเวณบริเวณกล้ามเนื้อที่ผนังลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่เคลื่อนตัวได้ เร็วขึ้น ทำให้เกิดการถ่ายอุจจาระได้ โดยยากลุ่มนี้เป็นยาที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน เช่น Bisacodyl และ Senna เป็นยาสมุนไพรที่สกัดมาจากมะขามแขก
2. วิธีการรักษาแบบไม่ใช้ยา เป็นวิธีการรักษาอีกทางเลือกหนึ่งเพียงแค่ปรับเปลี่ยน Lifestyle การใช้ชีวิตและการรับประทานอาหาร เราก็สามารถช่วยลดอาการท้องผูกได้เช่นกัน โดยมีวิธีดังต่อไปนี้
- ดื่มน้ำและกินผักผลไม้ที่มีกากใยมากๆ เพราะการเพิ่มเส้นใยสามารถช่วยการขับถ่ายได้
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร และกล้ามเนื้อหลัง ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
- อย่ากลั้นอุจจาระ ควรเข้าห้องน้ำทุกครั้งที่รู้สึกปวด โดนพยายามหาเวลาขับถ่ายในช่วงเวลาที่ผ่อนคลาย ประมาณ 10 นาที เพื่อฝึกนิสัยการขับถ่ายให้เป็นเวลาจะเห็นว่าอาการท้องผูกสามารถรักษาได้ ง่าย เพียงแค่รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ และปรับลักษณะการใช้ชีวิตให้มีความเหมาะสม แค่นี้ เราก็ห่างไกลจากโรคท้องผูกกันแล้วค่ะ